โรคหัวใจ หรือ Heart Disease หมายถึง โรคต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ โดยความผิดปกติที่เกิดขึ้นในส่วนของหัวใจที่ต่างกัน ทำให้โรคหัวใจมีอาการต่างกันไปในแต่ละชนิด
เนื้อหาในหน้านี้
ชนิดของโรคหัวใจ

โรคหลอดเลือดหัวใจ
เจ็บหรือแน่นหน้าอก ร้าวไปตามกราม แขน ลำคอ เหนื่อย อ่อนเพลีย หรือหมดสติได้
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
หัวใจอาจเต้นเร็วหรือช้ากว่าผิดปกติ ใจสั่น เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก เวียนศีรษะ หรือคล้ายจะเป็นลม
โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม มักมีอาการมากขึ้นเมื่อต้องออกแรงหนัก ๆ บวมตามแขน ขา นอนราบไม่ได้ และตื่นขึ้นมาไอในเวลากลางคืน
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
เป็นโรคที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อทารกอยู่ในครรภ์มารดาทารกมีอาการเหนื่อยขณะให้นม เลี้ยงไม่โต
โรคลิ้นหัวใจ
หากมีความผิดปกติของลิ้นหัวใจมาก จะมีอาการเหนื่อยง่าย และเกิดภาวะหัวใจวายหรือน้ำท่วมปอดได้
โรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ
เป็นไข้เรื้อรัง อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หัวใจเต้นผิดปกติ หายใจหอบเหนื่อย ไอเรื้อรังแห้ง ๆ ขาหรือช่องท้องบวม รวมถึงมีผื่นหรือจุดขึ้นตามผิวหนัง
หากท่านมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยภาวะหัวใจโต และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- สูบบุหรี่
- มีความดันโลหิตสูง
- มีไขมันในเลือดสูง
- เป็นโรคเบาหวาน
- มีภาวะโรคอ้วนหรือน้ำหนักตัวเกินปกติ
- มีความเครียด
- ไม่ออกกำลังกาาย
- สตรีหลังหมดประจำเดือน
- สตรีที่ทานยาคุมกำเนิด
- รับประทานอาหารเค็มจัด

สัญญาณเตือนของโรคหัวใจ
- มีอาหารเจ็บแน่นหน้าอก
- บีบเค้นแน่นหน้าอกเหมือนมีของหนักกดทับ
- เจ็บหน้าอกร้าวไปกราม ขากรรไกร คอ แขน ไหล่ หลัง
- เจ็บหน้าอกร่วมกับเหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น
- เจ็บหน้าอกนานกว่า 20 นาที
- เหนื่อยง่าย
- ความสามารถในการออกกำลังการลดลง
- มีภาวะหัวใจล้มเหลว
- ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- เป็นลมหมดสติ
ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจ
ภาวะหัวใจล้มเหลว
ภาวะหัวใจล้มเหลว คือภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดของโรคหัวใจ เกิดขึ้นเมื่อหัวใจของคุณไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ภาวะหัวใจล้มเหลวอาจเป็นผลมาจากโรคหัวใจหลายประเภท รวมถึงความบกพร่องของหัวใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง โรคลิ้นหัวใจ การติดเชื้อที่หัวใจ
หัวใจวาย
หากเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันกระทันหัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย ไฟฟ้าหัวใจอาจผิดปกติจนเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะร้ายแรงจนหัวใจหยุดเต้น (cardiac arrest)
โรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง คือปัจจัยเสี่ยงสามารถนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองของคุณแคบลงหรือถูกปิดกั้นทำให้เลือดเข้าสู่สมองไม่เพียงพอ ส่งผลให้สมองขาดเลือด
หลอดเลือดแดงโป่งพอง
เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกายโดยหากหลอดเลือดโป่งพองแตก จะทำให้เกิดภาวะเลือดออกภายในอย่างมากและรวดเร็ว เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
โรคหลอดเลือดส่วนปลาย
หากเป็นโรคหลอดเลือดส่วนปลาย สิ่งนี้ทำให้เกิดอาการปวดแขนหรือขาเมื่อออกแรง เหตุเพราะเลือดไปเลี้ยงได้ไม่เพียงพอ (Claudication) และหากอุดตัน จะทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อส่วนปลาย เช่น เท้า ได้
ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน
ภาวะนี้คือการสูญเสียการทำงานของหัวใจ หายใจและหมดสติอย่างกะทันหันโดยไม่คาดคิด ซึ่งมักเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะร้ายแรง ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันเป็นภาวะฉุกเฉิน หากไม่ได้รับการรักษาทันทีจะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจตายอย่างกะทันหัน
การป้องกัน
วิธีการป้องกันโรคหัวใจนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจแม้ไม่มีสาเหตุเฉพาะเจาะจงชัดเจน แต่ก็มีปัจจัยสิ่งหลายอย่างที่หากเราควบคุมได้ดีจะช่วยลดโอกาสโรคหลอดเลือดหัวใจลงได้มาก เช่น
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- ควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินมาตรฐาน ควบคุมคอเลสเตอรอล และเบาหวาน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
- รับประทานอาหารที่มีเกลือและไขมันอิ่มตัวต่ำ
- ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน
- ลดความเครียด
- ฝึกสุขอนามัยที่ดี
การวินิจฉัยโรคหัวใจ
แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและสอบถามประวัติของคนไข้และครอบครัว โดยการวินิจฉัยโรคหัวใจขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ นอกจากการสอบถามประวัติโดยละเอียด การตรวจร่างกายการตรวจเลือด และเอกซเรย์ทรวงอกแล้ว การทดสอบพิเศษทางหัวใจต่างๆจะช่วยในการวินิจฉัย เช่น
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG)การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นการตรวจทดสอบที่รวดเร็วและไม่เจ็บปวด
- เครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง หรือ Ambulatory ECG Monitoring หรือ Holter ECGการติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นอุปกรณ์ ECG แบบพกพาที่สามารถใส่เพื่อบันทึกจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่องโดยปกติจะใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง การตรวจสอบ โดยใช้เพื่อตรวจจับปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่พบในระหว่างการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือ Echocardiogramการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเป็นการทดสอบแบบใช้คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ เพื่อสร้างภาพและตรวจวัดโครงสร้างหัวใจโดยละเอียด ขนาดของหัวใจการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจลิ้นหัวใจผนังกั้นและผนังหุ้มหัวใจ
- Stress Testการวินิจฉัยโรคหัวใจด้วยวิธี Stress Test เป็นการทดสอบการเพิ่มอัตราการเต้นและบีบตัวของหัวใจด้วยการออกกำลังกาย หรือยา และวัดการตอบสนองทั้งชีพจรความดันโลหิตความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจและบางรายวัดความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจโดยการตรวจ Echocardiogram (Stress Echocardiogram) ช่วยในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางครั้งประเมินสมรรถภาพภาวะผนังหัวใจและหลอดเลือด
- การสวนหัวใจการสวนหัวใจเป็นการใส่ท่อสั้น ๆ เข้าไปในหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดงบริเวณขาหรือแขน เพื่อตรวจวัดภายในหัวใจโดยตรงหรือการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจโรคลิ้นหัวใจหรือผนังกั้นหัวใจผิดปกติโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
- การสแกนเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หัวใจ หรือ CT SCANการทำ CT Scan เป็นการทดสอบแบบใช้การเอ็กซเรย์เพื่อสร้างภาพโครงสร้างโดยละเอียด เพื่อวัดคะแนนหินปูนของหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Calcium Score) และหากฉีดสารทึบรังสีด้วย จะได้ภาพของหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดแดงใหญ่ หลอดเลือดปอด เพื่อวินิจฉัยโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ผนังหัวใจ
วิธีรักษาโรคหัวใจ
ประเภทของการรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจ โดยทั่วไปมักประกอบด้วย:
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
วิธีรักษาโรคหัวใจด้วยวิธีนี้เป็นวิธีช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ด้วยการรับประทานอาหารสุขภาพ เช่น ลดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง เกลือโซเดียมสูง ไขมันอิ่มตัวสูง คอเลสเตอรอลสูง รับประทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวแทน เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้หลากหลายชนิด ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ยา
หากการปรับเปลี่ยงวิถีชีวิตเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ แพทย์อาจจ่ายยาเพื่อควบคุมโรคหัวใจหรือปัจจัยเสี่ยง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจ
นอกจากวิธีการรักษาโรคหัวใจข้างต้นที่เน้นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการใช้ยาในการรักษาแล้วยังมีวิธีรักษาอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการรับประทานยาดังนี้
การรักษาด้วยหัตถการหลอดเลือดหรือการผ่าตัด
- การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด
- การขยายลิ้นหัวใจที่ตีบด้วยบอลลูน
- การใส่ลิ้นหัวใจเทียมแทนลิ้นหัวใจที่ตีบจากการเสื่อมสภาพ โดยการสอดใส่ผ่านทางหลอดเลือด
- การปิดกั้นผนังกั้นหัวใจที่รั่วด้วยอุปกรณ์พิเศษผ่านทางหลอดเลือด
- การจี้หัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูงโดยการใส่สายผ่านทางหลอดเลือด
- การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจชนิดถาวร
- การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ
- การผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจโดยใช้หลอดเลือดของผู้ป่วยเอง (Coronary artery bypass graft surgery)
- การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียม
การรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด
ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้สามารถกลับมาแข็งแรงใช้ชีวิตประจำวันได้ และหากเป็นไปได้ให้สามารถออกกำลังกายได้มากขึ้น วิธีรักษาโรคหัวใจด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัดช่วยในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงลดอาการโรคหัวใจได้ดีขึ้น โดยในช่วงแรกอาจอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดของแพทย์และนักกายภาพบำบัด และค่อย ๆ ปรับเพิ่มโปรแกรมที่สามารถทำได้เองมากขึ้นจนสามารถปฏิบัติเองได้ที่บ้านทั้งหมด